สงขลา 3 ยุค เชื่อมอดีตสู่ปัจจุบัน
เรื่อง : สุทธิมา เสืองาม
ภาพ : กฤษฎากร สุขมูล


เส้นทางสำรวจ เมืองทางประวัติศาสตร์ จากหัวเขาแดง สู่ย่านเมืองเก่า สุดเก๋ที่เต็มไปด้วย สถาปัตยกรรมคลาสสิก ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมจีน ร้านอาหารเก่าแก่สุดเก๋า Cafe Hopping และล่องเรือสิงโตครูซ. ชมบรรยากาศยามเย็น. ของทะเลสาบสงขลา สุดโรแมนติค
ทริปนี้เราชวนคุณมาเปิดกรุสมบัติล้ำค่า เชื่อมโยงกาลเวลานับจากอดีตสู่ปัจจุบัน จากยุคสุลต่านที่หัวเขาแดง สู่ความทรงจำยุคแหลมสน จนถึงยุคสงขลาบ่อยาง ที่สะท้อนให้เห็นการเดินทางของสงขลา 3 ยุค ผ่านกาลเวลาไม่ต่ำกว่า 400 ปี


สงขลายุคหัวเขาแดง : จุดเริ่มต้นของความรุ่งเรืองทางทะเล
ตำนานสงขลาหัวเขาแดง เริ่มต้นตั้งแต่รัชสมัยพระเอกาทศรถทรงเป็นกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ท่านดาโต๊ะ โมกอล ชาวมุสลิมเชื้อสายเปอร์เซีย อพยพครอบครัวและบริวารล่องเรือจากเมืองสาเลห์ เกาะชวา หนีการรุกรานของชาวดัชในยุคล่าอาณานิคม จนกระทั่งมาพบกับหัวเขาแดง ภูเขาที่ตั้งอยู่ปลายแผ่นดินสทิงพระ ตรงปากอ่าวสงขลา ท่านเห็นว่าเป็นที่นี่เป็นทำเลที่ดี จึงได้สร้างบ้านแปลงเมืองจนเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นเมืองท่าการค้าและจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนคาบสมุทรมลายู สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท่านเป็นข้าหลวงใหญ่แห่งพระเจ้ากรุงสยาม และต่อมาในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม ยังทรงโปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าเมืองพัทลุงอีกด้วย

ท่านดาโต๊ะ โมกอล ครองเมืองสงขลา-พัทลุง ได้ 13 ปีก็ถึงแก่อสัญกรรม สุลต่านสุลัยมานชาห์ บุตรชายคนโตของท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา พ.ศ. 2163 ยุคของท่าน ได้สร้างค่ายคู ประตูหอรบและป้อมปราการขึ้นอย่างแข็งแรงแน่นหนา และตั้งตนเป็นอิสระสถาปนาตนเองขึ้นเป็นเจ้าเมืองสงขลา ครองรัฐสุลต่านซิงกอราในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งเป็นราชวงศ์ใหม่ หลังปกครองรัฐอยู่ถึง 26 ปี ในที่สุดก็ถูกทัพจากกรุงศรีอยุธยาปราบปรามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
การเดินทางจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ถึงหัวเขาแดง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ผ่านสะพานติณสูลานนท์ 2 ช่วง ข้ามเกาะยอไปจนถึงหัวเขาแดง เมืองเก่าเมืองแรกของสงขลา ภูมิทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของภูเขาที่ล้อมรอบทะเลสาบสงขลาทำให้รู้เลยว่าในอดีตการโจมตีจุดนี้ไม่ง่าย ต้องอาศัยความเข้าใจชัยภูมิอย่างลึกซึ้ง ป้อมปราการซึ่งแต่เดิมมีทั้งหมด 18 ป้อม ทั้งบนพื้นราบ บนภูเขา และในทะเล เหลือร่องรอยให้เห็น 14 ป้อมในปัจจุบัน แต่ถ้าหากไม่มีนักเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชุมชนที่ลึกซึ้ง ก็ยากที่จะต่อจุดความเข้าใจในเวลาอันสั้น เราโชคดีที่ได้รับเกียรติจากคุณพีระเนตร บุญณะสิทธิ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนสตรี ลูกหลานคนในเมืองสงขลายุคแรกที่รักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอย่างเข้มข้น เป็นพาเราเชื่อมโยงรอยอดีต แม้จะไม่ได้เห็นทั้งหมดในวันเดียวแต่ก็ทำให้เรารู้จักสงขลาอาณาจักรแรก และเข้าใจว่าเพราะเหตุใด หัวเขาแดงจึงเป็นความภาคภูมิใจของคนในพื้นที่ตลอดมา



สงขลา ยุคแหลมสน : การย้ายถิ่นและอิทธิพลชาวจีน
หลังจากที่รัฐสุลต่านซิงกอราถูกทัพกรุงศรีอยุธยาปราบปรามในปี พ.ศ.2223 ผู้คนก็กระจายตัวไปตั้งรกรากที่แหลมสน ซึ่งก็คืออีกด้านหนึ่งของหัวเขาแดง ห่างออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร บริเวณนั้นเป็นที่ราบเชิงเขาหันหน้าออกสู่ทะเลสาบสงขลา ที่ราบลุ่มชายทะเลถึงแม้จะไม่กว้างขวางใหญ่โต แต่ก็พอเพียงสำหรับการทำมาหาเลี้ยงชีพ และยังทำหน้าที่เป็นเมืองท่าการค้าได้อย่างดี พื้นที่แถบนี้มีชุมชนชาวจีนอาศัยอยู่ก่อนแล้ว กลุ่มใหญ่เป็นชาวฮกเกี้ยนที่มาค้าขายตั้งแต่สมัยก่อน โดยเฉพาะพ่อค้าชาวจีนเหยียง แซ่เฮา ได้รับความไว้วางพระทัยจากพระเจ้ากรุงธนบุรี ให้ดํารงเป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองสงขลาฝั่งแหลมสน ราวปี พ.ศ.2318 ท่านคือต้นตระกูล ณ สงขลา นั่นเอง

จุดที่น่าสนใจของแหลมสนอยู่ที่ซุ้มประตูเก๋งจีน และจตุอาราม ประกอบด้วย วัด 4 แห่งที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาที่เดินเชื่อมถึงกันได้ ตั้งแต่ วัดสุวรรณคีรี วัดบ่อทรัพย์ วัดศิริวรรณาวาส และวัดภูผาเบิก แต่ละวัดมีความน่าสนใจในแง่ศาสนสถานที่เป็นหลักฐานทางโบราณคดี ที่สะท้อนวิถีชาวพุทธ ซี่งเกี่ยวพันกับค่านิยม ประเพณี ความเชื่อ และความคงกระพัน ที่ยังคงอยู่มาถึงวันนี้



สงขลา ยุคบ่อยาง : เมืองใหม่ที่ฟื้นฟูจากอดีต
สงขลาแหลมสนย้ายศูนย์กลางการปกครองมาที่ฝั่งบ่อยางในสมัยรัชกาลที่ 3 ราวพ.ศ.2379 เพราะฝั่งแหลมสนขาดแคลนน้ำจืด พื้นที่คับแคบ ไม่เหมาะแก่การขยายเมือง เมืองใหม่บ่อยางมีชุมชนชาวจีนมาตั้งรกรากเป็นปึกแผ่น ส่งต่อมรดกเป็นสถาปัตยกรรมจีนที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน มีการวางผังเมืองที่ชัดเจน แบ่งเป็น ถนนนครนอก ซึ่งในอดีตเคยอยู่นอกกำแพงเมือง แต่ปัจจุบันถูกทุบทิ้งไปแล้วเพราะไม่มีความจำเป็นที่ต้องระวังข้าศึกอีก ส่วนเส้นถนนนครใน และถนนนางงามคือถนนตอนใน ซึ่งในอดีตมีทั้งร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม สถานบันเทิง ล้วนเคยอยู่บนถนนเส้นนี้

สงขลานอกจากจะเป็นเมืองท่าศูนย์กลางการค้าแล้วยังเป็นศูนย์กลางส่งออกข้าว ในอดีตมีโรงสีขาวอยู่มากมาย ปัจจุบันยังคงเหลือโรงสีแดง หับ โห้ หิ้น โรงสีข้าวโบราณอายุกว่า 100 ปี ไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความรุ่งเรือง วันนี้เมืองเก่าสงขลากลับมาสะพรั่งบานอีกครั้ง ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ที่ปลุกวิญญาณอาคารสถาปัตยกรรมจีนเก่าแก่ให้เป็นคาเฟ่เก๋ ๆ พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ โรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงรสชาติแห่งอดีตมาสู่ปัจจุบัน



ล่องเรือสิงโต ครูซ ซึมซับอารมณ์ของเมือง 3 ยุครอบทะเลสาบสงขลา
การเดินทางทริปนี้ทำให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลามากกว่าที่ผ่านมา ได้เห็นร่องรอยอดีตรัฐซิงกอราตั้งแต่ยุคหัวเขาแดง การเคลื่อนย้ายของชุมชนที่แหลมสน และความคึกคักของสงขลา Old Town ที่เปี่ยมเสน่ห์ในยุคปัจจุบัน

แต่ถ้าจะให้ครบรส ขอแนะนำให้จบทริปด้วยการล่องเรือสิงโตครูซชมบรรยากาศทะเลสาบสงขลายามเย็น เสียงแซ็กโซโฟนที่บรรเลงผ่านสายลม ขณะจิบม็อคเทลสดชื่น ทอดสายตาไปบนผืนน้ำ ห้วงเวลาที่จะพาคุณรื่นรมย์ไปกับมุมมองใหม่รอบทะเลสาบสงขลา ที่ความเข้าใจอดีต ทำให้เราซึมซาบรสชาติการเดินทางได้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม



Train Journey To The Southern Soul ชวนคุณ #นั่งรถไฟไปเที่ยวใต้ กับ 9 เส้นทาง 9 รสชาติไปชุมพร ระนอง พัทลุง หาดใหญ่ สงขลา เที่ยวให้สนุกครบรส
เลือกเส้นทาง + รสชาติที่ใช่ของคุณ
กดดาวน์โหลดคูปองพิเศษที่ลิงก์นี้ https://lin.ee/TywCgFY
โหลดเลย ใช้ได้กับร้านค้ากว่า 60 ร้าน เส้นทางชุมพร ระนอง พัทลุง หาดใหญ่ สงขลา
#Amazingthailand #AmazingThailandGrandTourismSportYear2025 #ThailandGastronomyNetwork
#นั่งรถไฟไปเที่ยวใต้ #รถไฟไทย #บัตรเครดิตKTC #KTCWORLD
#BangkokAirways #FlyBangkokAirways
